อาหารประจำชาติมาเลเซีย
อาหารมาเลเซีย มีลักษณะเด่นอยู่ที่การใช้สมุนไพร เครื่องเทศ พริก มีรสเผ็ด และมักจะใช้ผงกะหรี่ คนในปีนังไม่ว่าจะเป็นคนอินเดีย คนจีนหรือคนมาเลเซียเองชอบทานอาหารที่มีผงกะหรี่และไม่มีใครปฏิเสธอาหารที่มีผงกะหรี่ สมุนไพรที่นำมาประกอบอาหารนอกจากสมุนไพรท้องถิ่นซึ่งมีอยู่มากมาย บางครั้งยังมีการรวมสมุนไพรหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีกลิ่นหอม มักใช้ในการผัดข้าว อาหารมาเลเซียส่วนใหญ่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารมุสลิม เพราะไม่ใช้เนื้อหมู และไม่ใส่ไวน์ เนื้อสัตว์ที่นิยมรับประทานกันจึงเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ และ อาหารทะเล และภูมิภาคของมาเลเซีย
อาหารมาเลเซีย มีลักษณะเด่นอยู่ที่การใช้สมุนไพร เครื่องเทศ พริก มีรสเผ็ด และมักจะใช้ผงกะหรี่ คนในปีนังไม่ว่าจะเป็นคนอินเดีย คนจีนหรือคนมาเลเซียเองชอบทานอาหารที่มีผงกะหรี่และไม่มีใครปฏิเสธอาหารที่มีผงกะหรี่ สมุนไพรที่นำมาประกอบอาหารนอกจากสมุนไพรท้องถิ่นซึ่งมีอยู่มากมาย บางครั้งยังมีการรวมสมุนไพรหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีกลิ่นหอม มักใช้ในการผัดข้าว อาหารมาเลเซียส่วนใหญ่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารมุสลิม เพราะไม่ใช้เนื้อหมู และไม่ใส่ไวน์ เนื้อสัตว์ที่นิยมรับประทานกันจึงเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ และ อาหารทะเล และภูมิภาคของมาเลเซีย
อาหารจะมีลักษณะเฉพาะต่างกัน ในปีนังจะใช้ผงกะหรี่ในการประกอบอาหารมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบผงกะหรี่ ขณะที่ทางตอนใต้ของประเทศจะนิยมใช้กะทิ คล้ายกับอาหารไทย โดยจะใช้กะทิกับอาหารเกือบทุกอย่าง ข้าว เป็นอาหารจานหลักในทุกมื้อของอาหารมาเลเซียเหมือนอาหารไทย ต่างกับอาหารยุโรปที่บางมื้อเป็นขนมปัง บางมื้อเป็นเนื้อ หลายคนเห็นหน้าตาอาหารมาเลเซียคล้ายกับอาหารอินเดีย แต่ อาหารอินเดียจะใช้กะทิเป็นส่วนผสมน้อยมาก ในอาหารมาเลเซียยังมีเครื่องจิ้มคล้ายน้ำพริกกะปิ เรียกว่า ซัมบัล (Sambal) ทำจากพริกป่น หัวหอมและน้ำมะขาม เป็นส่วนหนึ่งของสำรับอาหารของชาวมาเลเซีย นอกจากนี้ยังนิยมใช้ กะปิ ในการปรุงอาหารแทบทุกชนิดไม่ว่าจะผัดหรือแกง
1.นาซิ เลอมัก ข้าวมันมลายู
นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) เป็นอาหารมลายู นิยมกินโดยทั่วไปในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน รวมทั้งภาคใต้ของไทยและถือเป็นอาหารประจำชาติของประเทศมาเลเซีย
นาซิ เลอมัก หมายถึง ข้าวหุงกับกะทิ โดยจะใส่ใบเตย ขิง บางสูตรก็ใส่ตะไคร้ด้วย ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ทำนองเดียวกับการหุงข้าวมันของไทย ข้าวหุงกะทิที่ดูธรรมดานี้เมื่อใส่สมุนไพรลงไปด้วยก็ทำให้มีกลิ่นหอมน่ากินมากขึ้นทีเดียว
เครื่องประกอบของนาซิ เลอมัก มีหลากหลายแล้วแต่ความชอบ และความสะดวก ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นเราทำอะไรเป็นกับข้าว ก็สามารถเอามาจัดสำรับได้ ส่วนที่เป็นกับข้าวหลัก ได้แก่ แกงไก่ แกงเนื้อ แกงปลา ปลาหมึกผัดพริก ไก่ทอด ปลาทอด ซึ่งจะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันก็ได้ อีกส่วนคือส่วนที่เป็นเครื่องเคียง ได้แก่ อิกัน บิลีส (Ikan bilis) ที่ไทยเรียกว่า ปลาจิ้งจ้างทอด (หรือชื่ออื่นว่า ปลากะตัก ถ้าตัวเล็กจะเรียกว่าปลาข้าวสาร) ถั่วลิสงทอด ไข่ต้ม หรือไข่ดาวทอดให้ไข่แดงสุก แตงกวา และที่ขาดไม่ได้คือ น้ำพริกซัมบัล (Sambal) หรือภาษามาเลย์เรียกว่า ซามา
![]() |
| นาซิ เลอมัก |
![]() |
| นาซิ เลอมัก |
นาซิ เลอมัก มักขายใส่ห่อใบตอง เพื่อสะดวกสำหรับการพกพา เรียกว่า นาซิ เลอมัก บุงกุส (Nasi Lemak Bungkus) โดยใช้กระดาษรองด้วยใบตอง ห่อเป็นรูปทรงพีระมิด ตอนเช้าๆ ก็แวะไปตลาดซื้อมาคนละห่อ กินเป็นอาหารเช้าก่อนออกไปโรงเรียน หรือออกไปทำงานก็ดี ซึ่งจะมีขายทั่วไปในประเทศที่มีวัฒนธรรมการกินแบบมลายู
2.นาซิ ดาแฆ
นาซิดาแฆ (มาเลย์: Nasi dagang) เรียกเป็นภาษาไทยให้ใกล้เคียงได้ว่า "ข้าวมันแกงไก่"
เป็นอาหารที่ชาวมุสลิมปักษ์ใต้ ที่นิยมรับประทานกันเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะมื้อเช้า
เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง ประกอบด้วยข้าว แกงไก่หรือแกงปลาโอ และไข่ต้ม ความหมายของชื่ออาหารนี้มีหลายความหมาย
บ้างว่าหมายถึงข้าวสำหรับคนอนาถา เพราะใช้ข้าวเจ้าหุงผสมกับข้าวเหนียว หรืออีกนัยหนึ่ง ดาแฆ มาจากภาษาอินโดนีเซีย ดาฆัง (Dagang) ที่แปลว่าหาบ ส่วนภาษามลายูปัตตานียืมมาใช้หมายถึงคนต่างถิ่น
จึงหมายถึงข้าวของคนต่างถิ่นที่นำมาเผยแพร่ในบริเวณนี้[1]
ทางชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย จะเรียกนาซิเลอมักของชายฝั่งตะวันออกในรัฐตรังกานูและกลันตันว่า นาซิดาฆัง แต่ไม่พบในบริเวณอื่นๆ อย่างไรก็ตาม
ทั้งนาซิดาฆังและนาซิเลอมักเป็นอาหารยอดนิยมในมาเลเซียทั้งสองด้านของคาบสมุทร
ในตรังกานูและกลันตันนิยมทำนาซิดาแฆเป็นอาหารเช้าในเทศกาลฉลองการสิ้นสุดการถือศีลอด
3.นาซิอูลัม
นาซิอูลัม (Nasi
ulam)เป็นข้าวนึ่งที่ผสมสมุนไพรหลายอย่าง เช่น บัวบก หรือแมงลัก ผัก และเครื่องเคียงอื่นๆ อาหารนี้เป็นอาหารของชาวมาเลย์ที่มีความแตกต่างไปบ้างระหว่างในมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ในอินโดนีเซีย นาซิอูลัมเป็นอาหารของชาวเบตาวีและชาวมาเลย์ในสุมาตรา รวมทั้งชาวบาหลี ในจาการ์ตามีนาซิอูลัมสองชนิดคีอแบบน้ำของทางเหนือและตอนกลางของจาการร์ตา
และแบบแห้งของทางใต้ ในอินโดนีเซีย นาซิอูลัมปรุงรสเผ็ดด้วยพริก ใส่ถั่วลิสงและมะพร้าวคั่ว อาหารที่นิยมรับประทานกับนาซิอูลัม ได้แก่ เดนเดง ออมเล็ต มันฝรั่งทอด เต้าหู้ทอด เทมเปะห์ และข้าวเกรียบ
นาซิอูลัมในมาเลเซียประกอบด้วยข้าวใส่สมุนไพรเช่น
ใบพริก ใบมะม่วงหิมพานต์ หัวหอม มะพร้าวคั่ว บางครั้งใส่ปลาทอด
พบได้ทั่วไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลย์ ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือจะนิยมรับประทานข้าวยำหรือนาซิกราบูแทน
4.ซัมบัล
ซัมบัล (Sambal) เป็นอาหารที่ปรุงจากพริก มีลักษณะคล้ายน้ำพริกในอาหารไทย เป็นที่นิยมในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และภาคใต้ของฟิลิปปินส์และศรีลังกา รวมทั้งในเนเธอร์แลนด์และซูรินาเมซึ่งได้รับอิทธิพลจากอาหารชวา ทำได้ทั้งจากพริกขี้หนูและพริกอื่นๆ
บางชนิดมีรสเผ็ดมาก ซัมบัลเป็นคำที่รากศัพท์มาจากภาษาชวา ซัมเบล ซึ่งยืมมาใช้ในภาษามาเลย์และอินโดนีเซีย
ซัมบัลมาเลเซีย
ซัมบัลพื้นฐานของมาเลเซียคือ ซัมบัล บลาจัน โดยนำพริกสดมาบดรวมกับกะปิจากกุ้ง (บลาจัน) ในครกหิน
เติมน้ำตาล และน้ำมะนาว อาจปรุงรสเปรี้ยวด้วยมะเขือเทศบด มะม่วงเปรี้ยว หรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอื่นๆ กินกับแตงกวา ข้าว ถ้าเป็นตำรับของชาวมาเลย์เชื้อสายจีนจะนำกะปิไปผัดกับพริกซัมบัลอื่นๆได้แก่
·
ซัมบัล
เยอรุก ทำจากพริกกับมะนาว บางครั้งใช้น้ำตาลและน้ำส้มสายชูแทนมะนาว นิยมกินกับข้าวผัดและก๋วยเตี๋ยว
·
ซัมบัล
ดากิง/ซูรุนดิง ดากิง เป็นซัมบัลแบบมาเลเซียปรุงจากเนื้อสัตว์และเครื่องเทศ
เคี่ยวมากกว่า 4 ช.ม. จนเปื่อย
·
ซัมบัล
เติมโปยะก์ มีทั้งแบบดิบและแบบสุก
แบบดิบนำน้ำพริกมาบดกับปลาร้าแห้งและกินกับทุเรียนหมักหรือเติมโปยก ถ้าเป็นแบบสุกจะนำพริก
หัวหอม ตะไคร้มาผัดกับปลาร้า ทุเรียนหมัก ใบขมิ้น กล้วย ยอดมัน
5. อาซัม เปดาส
อาซัม เปอดาส (ภาษาอินโดนีเซีย: Asam
Pedas,ภาษามาเลย์: Asam Pedas,ภาษามินังกาเบา:
Asam Padeh,) เป็นภาษาอินโดนีเซียที่แปลตรงตัวหมายถึงเปรี้ยวและเผ็ด
ใช้เรียกสตูแบบมินังกาเบาและมาเลย์ที่มีรสเปรียวและเผ็ด
เครื่องปรุงหลักเป็นอาหารทะเลหรือปลาน้ำจืด ต้มกับน้ำมะขามและพริก และเครื่องเทศอื่นๆ
เติมผักที่ใช้ เช่น มะเขือ กระเจี๊ยบเขียว มะเขือเทศ และปลาหลายชนิด เช่นปลาแมกเคอเรล ปลาทูน่า ปลากะพงแดง ปลาสวาย ปลาสลิด ซึ่งอาจใส่ทั้งตัวหรือเฉพาะหัวก็ได้ ลักษณะคล้ายแกงส้มของไทย อาหารลักษณะเดียวกันนี้พบในเบงกอล
ประเทศอินเดีย ซึ่งเรียกว่า มาเชอร์ ตัก (macher tak) หมายถึงปลาเปรี้ยว
6.สะเต๊ะ
สะเต๊ะ (อังกฤษ: satay , ฝรั่งเศส: saté) เป็นอาหารอย่างหนึ่งซึ่งทำจากเนื้อที่หั่นบางๆ หรือหั่นเป็นก้อน อาจจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อปลา ฯลฯ เสียบด้วยไม้เสียบที่ทำจากไม้ไผ่ แล้วนำไปย่างบนเตาฟืนหรือเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงรส
ที่มีรสจัด (ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละตำรับ) สะเต๊ะมีจุดกำเนิดมาจากเกาะชวาหรือเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ยังได้รับความนิยมในประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศไทย หรือแม้แต่เนเธอร์แลนด์ซึ่งรับเอาวัฒนธรรมไปกับอาณานิคมของตน
สะเต๊ะของอินโดนีเซียอาจได้รับอิทธิพลจากคาบับที่เป็นอาหารพื้นเมืองของอินเดียภาคเหนือ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวเตอร์กอีกต่อหนึ่ง ตำรับดั้งเดิมของชาวตุรกีเป็นเนื้อแพะหั่นเป็นชิ้นหมักแล้วเสียบเหล็กแหลมย่างไฟ ชาวเปอร์เซียและชาวอินเดียรับมาดัดแปลง อาจใช้เนื้อบดหรือเนื้อทั้งชิ้น
จะเสียบหรือไม่เสียบไม้ก็ได้ เมื่อแพร่หลายมาถึงมลายู-ชวาจึงกลายเป็นสะเต๊ะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
7.หมี่แกง
หมี่แกง (Curry Mee; ภาษามาเลย์: Mee
Kari; ภาษาจีน: 咖喱麵) เป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะในมาเลเซีย ทำจากบะหมี่ไข่สีเหลือง หรือหมี่ฮุ้น
ที่ทำจากข้าว ในน้ำแกงเผ็ดใส่กะทิ ใส่เต้าหู้ กุ้ง ไก่ ปลาดุก เนื้อไก่
ไข่ต้ม ใบสะระแหน่ กินกับซัมบัล ทางภาคใต้ของมาเลเซียและสิงคโปร์จะเรียกเป็นหลักซาแกง (Curry Laksa; ภาษามาเลย์: Laksa
Kari; ภาษาจีน: 咖喱喇沙) ถ้าใส่หอยแครง
8.หมี่สยาม
หมี่สยาม
(ภาษามาเลย์:Mee siam; ภาษาจีน: 麵暹) เป็นเส้นหมี่ผัดกับซอสรสเปรี้ยว เผ็ด
และหวาน เป็นอาหารที่นิยมในสิงคโปร์และมาเลเซีย เป็นหมี่แห้งที่ปรุงด้วยการผัดเส้นหมี่เข้ากับน้ำซอสรสจัดที่ปรุงไว้
อาหารชนิดนี้ในประเทศไทยเรียกหมี่กะทิ ซึ่งเป็นอาหารที่นิยมในภาคกลาง
โดยเป็นการผัดเส้นหมี่เข้ากับซอสที่ทำมาจากกะทิ ใส่หมู เต้าเจี้ยว น้ำมะขามเปียก อาจแต่งสีด้วยซอสแดงหรือซอสมะเขือเทศ
ในสิงคโปร์และมาเลเซีย อาหารนี้เป็นอาหารของชาวจีนช่องแคบแต่ปัจจุบันมีผู้ปรุงทั้งชาวอินเดีย ชาวมาเลย์และชาวจีน
อาหารจานนี้รับประทานกับเต้าเจี้ยว ไข่ต้มและน้ำมะขามเปียก ส่วนผักกินกับหอมหัวใหญ่หั่นและกุยช่าย
9.หลักซา
หลักซา (Laksa) เป็นอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ดของชาวเปอรานากันซึ่งเป็นการผสมผลานระหว่างวัฒนธรรมจีนและมาเลย์ในมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งในอินโดนีเซียด้วย หลักซาพื้นฐานมีสองชนิดคือหลักซาแกงกับหลักซาเปรี้ยว
หลักซาแกงคือก๋วยเตี๋ยวแกงที่น้ำก๋วยเตี๋ยวเป็นน้ำแกงกะทิ ส่วนหลักซาเปรี้ยว
น้ำก๋วยเตี๋ยวเป็นซุปปลารสเปรี้ยว
หลักซาแกง หรือเรียกสั้นๆว่าหลักซา เป็นซุปที่มีลักษณะของน้ำแกงกะทิ
ใส่ลูกชิ้นปลา กุ้งและหอยแครง บางท้องที่มีหลักซาไก่ บางครั้งกินกับซัมบัล
ในปีนังเรียกว่าหมี่แกงเพราะนิยมใช้หมี่เหลืองหรือหมี่ฮุ้นมากกว่า
และนิยมใส่เลือดหมู คำว่าหลักซาแกงเป็นที่รู้จักทั่วไปในกัวลาลัมเปอร์หรือสิงคโปร์ เช่นเดียวกับเย็นตาโฟหลักซากุ้ง รุปแบบที่หลากหลายของหลักซาแกง
·
หลักซาเลอมัก
หรือหลักซาญนญา (Laksa nyonya) เป็นหลักซาที่ใส่กะทิมาก มีรสหวานอ่อนและเผ็ดมาก ได้รับอิทธิพลจากหลักซาไทย (Laksa Thai) มาก
·
ลักซัม
เป็นชนิดที่พบเป็นพิเศษทางตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะที่ตรังกานูและกลันตัน รวมทั้งในเกดะห์ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าวที่ขนาดแบนใหญ่ ใส่ปลาและกะทิ
บางครั้งทำจากเนื้อปลา เช่นปลาไหล
·
หลักซากาตง
(Laksa Katong) เป็นหลักซาเลอมักที่พบในกาตง ประเทศสิงคโปร์
เส้นก๋วยเตี๋ยวถูกตัดสั้นจนสามารถตักรับประทานด้วยช้อนได้
เป็นอาหารที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอาหารประจำชาติของสิงคโปร์
หลักซาเปรี้ยว เป็นหลักซาที่ใช้น้ำซุปรสเปรี้ยว นิยมใช้มะขามเปียก หรือส้มแขก ส่วนผสมหลักเป็นปลาเช่นปลาแมกเคอเรล ผักหั่นชิ้น เช่น แตงกวา หอมใหญ่พริกขี้หนู สับปะรด ผักกาดหอม สะระแหน่ ขิงอ่อน
ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวทำจากข้าว ใส่ลูกชิ้นกุ้งที่เรียกแฮโก (蝦羔) หลักซาเปรี้ยวชนิดต่างๆ
อาหารประจำชาติเวียดนาม
อาหารเวียดนามเป็นอาหารประจำชาติของชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นอาหารที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง ชาวเวียดนามกินข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใช้เครื่องปรุงรสที่เป็นของหมักดองเช่นเดียวกัน เนื่องจากปูมหลังทางประวัติศาสตร์ที่เคยถูกจีนและฝรั่งเศสปกครอง จึงมีอิทธิพลของทั้งสองชาติปรากฏอยู่บ้าง นอกจากนั้นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้อาหารเวียดนามแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน อาหารเวียดนามที่คนไทยรู้จักดีและเป็นเอกลักษณ์คือแหนมเนืองและขนมเบื้องญวน
อาหารหลัก
ชาวเวียดนามกินข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก แต่ก็รับประทานข้าวเหนียวด้วย อาหารที่ปรุงด้วยแป้ง และมีไส้ รวมถึงขนมปังฝรั่งเศส ชาวเวียดนามเรียกว่า "บั๋น" อาหารที่ปรุงด้วยข้าวเหนียวที่เป็นที่นิยมในเวียดนามได้แก่
· บั๋นจึง ข้าวต้มไส้ถั่ว ห่อด้วยใบตองเป็นรูปสี่เหลี่ยม
· บั๋นหย่าย ข้าวต้มไส้ถั่ว ห่อด้วยใบตองเป็นรูปทรงกลม
ชาวเวียดนามมีอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากก๋วยเตี๋ยวของจีน เรียกว่า "เฝอ" ซึ่งได้ปรับปรุงจนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ขนมจีนในภาษาเวียดนามเรียก"บุ๋น" ซึ่งมีรูปแบบการปรุงที่หลากหลาย เช่น
· บุ๋นทิดหนึง ขนมจีนหมูย่าง
· บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ
เอกลักษณ์
อาหารเวียดนามเป็นอาหารที่กินผักสดหลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย เครื่องปรุงรสส่วนใหญ่เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจีน เช่น เครื่องปรุงรสเปรี้ยวใช้มะขาม มะนาว ไม่นิยมน้ำส้มสายชู เครื่องปรุงรสเค็ม ส่วนใหญ่เป็น น้ำปลา น้ำกะปิ รองลงไปเป็นกะปิ ปลาร้า กุ้งจ่อม ใช้ซีอิ๊วแบบจีนน้อยมาก
1. เปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม
เปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ แลบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย
![]() |
| เปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม |
สูตรอาหาร ปอเปี๊ยะสดเวียดนาม
ระยะเวลา 40 นาที
สำหรับ 2-4 คน
วัตถุดิบปอเปี๊ยะสดเวียดนาม
1. ใบเมี่ยงเวียดนาม (แผ่นแป้งห่อ พรมน้ำในนิ่ม) 6 แผ่น
2. หมูยอ (หั่นตามยามเป็นชิ้นบาง) 1 แท่ง (เล็ก)
3. กุ้งลวก (ผ่าครึ่ง) 6 ตัว
4. ใบโหระพา (เด็ดเป็นใบๆ) 1 กำ
5. ใบสะระแหน่ (เด็ดเป็นใบๆ) 1 กำ
6. ผักกาดหอม (เด็ดเป็นใบๆ ตัดส่วนก้านออก) 1 กำ
7. ผักชีฝรั่ง 6-12 ใบ
8. แครอทซอยเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
น้ำจิ้ม
9. น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย
10. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
11. เกลือ 1/2 ช้อนชา
12. น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
13. พริกชี้ฟ้าแดง (โขลก) 1 ช้อนโต๊ะ
14. กระเทียม (โขลก) 1 ช้อนโต๊ะ
15. แครอท (ขูดฝอย) 1/4 ถ้วย
16. หัวไชเท้า (ขูดฝอย) 1/4 ถ้วย
วิธีทำปอเปี๊ยะสดเวียดนาม
1. หม้อใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ น้ำ ตั้งไฟเคี่ยวพอข้น (ไม่เหนียว) ใส่พริกชี้ฟ้าแดง กระเทียมโขลก แครรอท ไชเท้าเส้น ปิดไฟ ใส่ภาชนะพักไว้
2. ถาดวางใบเมี่ยงญวน (พรมน้ำให้นิ่ม) ใส่ผักกาดหอม ใบโหระพา ใบสาระแหน ผักชีฝรั่ง แครอทซอย (ขนมจีน) หมูยอ กุ้ง ห่อให้เน่นๆ
![]() |
| เปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม
2.บั๊ญแส่ว
บั๊ญแส่ว (เวียดนาม: bánh
xèo) หรือที่เรียกกันในประเทศไทยว่า ขนมเบื้องญวน เป็นอาหารเวียดนามลักษณะคล้ายแพนเค้กที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า
น้ำ และผงขมิ้นหรือกะทิ (ในพื้นที่ภาคใต้) ยัดไส้ด้วยมันหมู กุ้ง
และถั่วงอกแล้วนำมาทอดในกระทะ ตามธรรมเนียม บั๊ญแส่วจะห่อด้วยใบมัสตาร์ด ใบผักกาด
หอม และยัดด้วยใบสะระแหน่ ใบโหระพา หรือสมุนไพรอื่น ๆ แล้วจิ้มด้วยเนื้อกชั้ม (น้ำปลาของเวียดนามที่มีส่วนผสมของน้ำและมะนาว)
ในภาคกลางจะรับประทานบั๊ญแส่วกับซอสเตือง(tương) ซึ่งประกอบด้วยตับ
ซอสฮอยซิน และกระเทียม
บั๊ญแส่วในภาคใต้จะมีขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ในภาคกลาง
บั๊ญแส่วในภาคใต้จะมีชื่อเรียก ว่า "บั๊ญคว้าย" (bánh khoái) หรือไข่เจียวยัดไส้
ซึ่งทุกวันนี้ได้เป็นหนึ่งในอาหารที่คนรู้จักกันดีจากภาคกลาง ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าและเพิ่มรสชาติด้วยกับผงขมิ้นแล้วนำไปทอดในกระทะจนกรอบ
บั๊ญคว้ายจะยัดไส้ด้วยหมูสับ ไข่ กุ้ง ถั่วงอก ถั่วเขียวบดแล้วก็พับ
เวลาจะรับประทานให้ใช้ตะเกียบแยกเป็นชิ้น ๆ
และนำมาห่อด้วยผักสมุนไพรสดแล้วจุ่มลงในซอสเตือง ซึ่งประกอบด้วยตับ ซอสฮอยซิน และกระเทียม
ส่วนผักสมุนไพรสดต่าง ๆ จะช่วยลดความมันในอาหารทอด
ในอาหารกัมพูชาจะมีจานที่คล้ายบั๊ญแส่ว เรียกว่า "บัญจาว" (banh
chao)
|











ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น